แรงบันดาลใจ
แรงบันดาลใจที่ทำให้ฉันอยากจะถ่ายทอดความรู้สึกผ่านตัวหนังสือเริ่มขึ้นจากการจุดนี้ มันเป็นเหมือนจุดสีในจำนวนหลายล้านสี ที่สะท้อนเกิดเป็นภาพที่ฉันได้สัมผัสผ่านดวงตาของฉัน ฉันคนหนึ่งเป็นผู้โชคดีได้รับบัตรชมภาพยนตร์หนังสั้น "หวานขม" ของบอยป๊อด การถ่ายทอดเรื่องราวผ่าน 13 บทเพลงเพราะ ในอัลบั้ม Bitter Sweet เป็นภาพยนตร์ที่ดีและสร้างความรู้สึกอบอุ่นในใจได้ดีทีเดียว วันนี้ฉันได้เรียนรู้บางอย่างจากภาพยนตร์นี้ จากเพลง ช่วงที่ดีที่สุด เป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครผ่านภาพสีขาว ดำ ที่ทำให้ผู้ชมภาพยนตร์อย่างฉัน สัมผัสได้ถึงความเหงา เศร้า และรอคอย
เรื่องราวถูกถ่ายทอดผ่านตัวละคร ที่มีเป็นชายชราคนหนึ่งตามหาผู้หญิงที่เขารักในอดีต ผู้หญิงคนที่เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่ความสัมพันธ์ได้หยุดชะงักลง เพราะเขาได้บอกแก่ผู้หญิงว่า เขาคิดกับเธอมากกว่า คำว่า เพื่อน
จากสิ่งที่ชายชราเคยตัดสินใจบอกไป ทำไมเธอหนีหายไปจากชีวิตของเขา และไม่ได้พบกันอีก ถึงแม้วันเวลาจะล่วงเลย ความรู้สึกของชายชราคนนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย จนวันนี้ที่เขาหวังว่าจะได้พบเธออีก เขาได้เข้าไปยังห้องพิเศษ ห้องหนึ่งที่สามารถย้อนวันเวลากลับไปพบผู้หญิงคนที่เขาคิดถึงมาตลอดเวลา 40 ปี เมื่อเขาเดินเข้าไป ก็ได้พบกับผู้หญิงที่เขารอมานานเกือบครึ่งชีวิต เขาถามทุกข์สุขกับเธอ และพยายามที่จะบอกว่า ความรู้สึกของเขา ยังคงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
สี่สิบปีที่ผ่านมา ไม่มีวันไหน ที่เขาจะลบเลือนเธอออกจากใจเขาได้เลย วันนี้เขายังคงหวังว่าเธอจะเข้าใจและเปิดรับเขาให้อยู่ในใจของเธอบ้าง แต่กลับถูกเธอปฏิเสธ และบอกว่าถ้าอยากจะอยู่กับเธอนั้น เขาต้องคิดว่าเธอเป็นเพื่อนของเขาคนหนึ่ง เขาก้มหน้าลง ครุ่นคิดอยู่ช่วงขณะหนึ่ง ก่อนจะหงายหน้าบอกเธอด้วยสีหน้ามั่นใจ เขาคิดแบบนั้นไม่ได้ เขาเล่าให้เธอฟังด้วยสีหน้าที่เปี่ยมด้วยความสุขว่า ตลอดระยะเวลา สี่สิบปีที่ผ่านมา ที่เธอหนีหายไปจากชีวิตเขา มันเป็นช่วงเวลาที่เขาทรมาณมาก แต่เพราะความรู้สึกนี้ ที่เรียกว่า รัก ทำให้เขามีชีวิตอยู่มาได้ มันเป็นเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจเขา ให้ดำเนินชีวิตมาจนรอเพื่อจะพบเธอและบอกเธอถึงความรู้สึกนี้อีกครั้ง ผู้หญิงคนนั้น กล่าวขอบคุณเขา ที่เขาพูดความจริง ซื่อสัตย์กับหัวใจของตัวเอง และบอกว่า ขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่สวยงาม เพราะมิตรภาพที่แท้จริง เกิดขึ้นจากความจริงใจ เมื่อเธอกล่าวจบ เธอก็ได้เลือนลางหายไป ทิ้งให้ชายชรานั่งครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และเดินออกจากห้องนั้น ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม และภูมิใจว่า เขาได้ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเธอ ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตลอดระยะเวลาสี่สิบปี และจนกระทั่งบัดนี้เขาก็ยังคงซื่อสัตย์กับหัวใจของตนเอง และจะคงเป็นเช่นนี้ตลอดไป
เมื่อตอนนี้ฉายจบ ฉันหวนกลับมาถามตัวเอง ฉันเคยซื่อสัตย์กลับความรู้สึกของตัวเองบ้างไหม คำตอบที่ได้แทบจะไม่ต้องใช้สมองส่วนไหน ประมวลผลเลย ฉันตอบใจตัวเองได้ทันที ว่า "เคย" ย้อนกลับไปเมื่อปีก่อนฉันแอบชอบคนคนหนึ่งมาก ฉันกลัวว่าถ้าบอกไปแล้ว ฉันจะต้องกลับมานั่งเสียใจที่เขาอาจจะปฏิเสธฉัน แต่สิ่งที่ฉันกลัวมากกว่า คือการที่จะต้องมานั่งเก็บความในใจ และหลอกใจตัวเอง ฉันตัดสินใจบอกเขา เขาไม่มีคำตอบใดๆ มีเพียงแต่รอยยิ้มเล็กๆ ผ่านมาเป็นเวลาเกือบปีครึ่ง เวลาที่ฉันคิดถึงเขา หรือได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเขา ฉันรู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้ง และดีใจที่วันนั้น ฉันตัดสินใจบอกเขาว่าฉันรู้สึกอย่างไร
ภาพยนตร์หลายเรื่องที่ทำให้ฉันได้คิดย้อนถึงสิ่งที่ฉันเคยทำในอดีต และสอนให้ฉันได้เรียนรู้ในเรื่องของความรักในหลายแง่มุมจากบทของผู้กำกับที่มีคุณภาพ ภาพยนตร์สั้น ตอน " ช่วงที่ดีที่สุด" ทำให้ฉันนึกถึง ประโยคหลักสำคัญของภาพยนตร์เรื่อง " รักแห่งสยาม"ที่ฉายเมื่อปีกลาย ที่กล่าวไว้ว่า "ตราบใดที่ยังมีรักยังมีหวัง" เหมือนความรู้ของชายชราคนที่เขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้ เพราะว่าความรักที่เขามีต่อเธอ ไม่ใช่ความรักที่เขาควดหวังจะได้รับจากเธอ
ขอบคุณภาพยนตร์ดีดี ทุกเรื่องที่เติมเต็มความรู้สึก อบอุ่นในหัวใจ
ขอบคุณจริงๆ
_Myloveclub_